ข่าวสดอาทิตย์ใส – ‘จอย’มีความสุขเรียบง่าย วางแผนชีวิตตั้งแต่เริ่มทำงาน… อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ :

เป็นนักแสดงสาวที่ผ่านอะไรมาเยอะ ตั้งแต่ยุควงการละครโทรทัศน์เฟื่องฟูจนมาถึงยุคซบเซา สำหรับ ‘จอย’ รินลณี ศรีเพ็ญ โดยวันนี้เจ้าตัวได้มาเล่าย้อนชีวิตตนเองตั้งแต่เข้าวงการ จนถึงวางแผนเกษียณจากวงการ

♦ จอยเข้าวงการมาตั้งแต่เมื่อไหร่?

จอย – “ตั้งแต่อายุ 18 ค่ะ ช่วงเรียนมหาวิทยาลัยพอดี เข้ามาแบบไม่ตั้งใจ ตอนเด็กไม่มีคำว่านักแสดงอยู่ในหัวเลย จุดเริ่มต้นเริ่มจากขี่จักรยานในหมู่บ้าน แล้วพี่อาร์ต อารยา มาเจอ เขาเรียนศิลปากร บอกไปถ่ายรูปทำธีสิสจบให้พี่หน่อย จากนั้นก็มีไปเดินแฟชั่นโชว์ แล้วเจอโมเดลลิ่ง ไปแคสต์งาน ได้ถ่ายโฆษณาเดินแบบ แล้วพี่ไก่ วรายุฑเรียกเข้าไปแคสต์นางเอกบ้านทรายทอง แคสต์ได้ ทุกอย่างเป็นจังหวะ เป็นคนโชคดีที่มีคนให้โอกาสมาเรื่อยๆ”… อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ :

♦ เป็นยังไงบ้างกับการก้าวเข้าวงการและเป็นนางเอกเลย?

จอย – “พี่ไก่ตั้งใจจะให้เล่น บ้านทรายทอง แต่ให้เล่นเรื่องแรก กัลปังหา ก่อน เพราะบ้านทรายทองเป็นเรื่องที่ยาก พี่ไก่ส่งไปเรียนเยอะมาก เรียนแอ๊กติ้ง การแสดง ดำน้ำ ขี่ม้า ร้องเพลง พี่ไก่เหมือนแม่ ส่งเรียนทุกอย่าง แต่เราทำได้ไม่ดีเลยสักอย่าง (หัวเราะ) ด้วยจุดเริ่มต้นไม่ได้รักที่จะทำ ตั้งใจว่าพอเรียนจบจะทำงานการเงิน

โชคดีทำไปสักพัก เรารักในสิ่งที่ทำจริงๆ พี่ไก่ส่งไปเรียนกับครูเล็ก ภัทราวดี ครูเล็กพูดว่า อย่าทำอาชีพนี้เพราะอยากได้เงิน แต่ให้ทำเพราะความรัก และต้องค่อยๆ เรียนรู้ที่จะรักกับสิ่งที่ทำ รักกับการแสดง… อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ :

มันต่างกันมาก การที่เราไปทำงานแล้วตั้งใจทำงานกับการที่เรารักในสิ่งที่ทำ มันออกมาไม่เหมือนกัน ทุกอย่างต้องทำออกมาจากหัวใจ คนสัมผัสได้ แต่ตอนนั้นเราเด็ก ยังคิดไม่ได้”

♦ เป็นนางเอกได้ระยะหนึ่ง ทำไมอยู่ๆ เปลี่ยนเป็นบทร้าย?

จอย – “คงเป็นด้วยจังหวะ น้ำเสียงจอยไม่ใช่คนเสียงซอฟต์ หน้าไม่ได้เป็นคนที่น่าสงสาร อาจจะดูเหมาะกับนางร้าย พอได้มาเล่นร้ายรู้สึกชอบ และการเล่นตัวร้าย จอยไม่เคยรู้สึกว่าเขา เป็นตัวร้าย มองดีๆ เขาโดนกระทำนะ เขาแค่รักษาสิทธิ์ตัวเอง

อย่างเล่น จำเลยรัก เอาจริงๆ เหมือนเราโดนแย่งแฟน หรือ วนิดา เป็นแฟนอยู่ดีๆ แฟนไปแต่งงานกับผู้หญิงอื่น แล้วดันไปรักเขา ไหนบอกจะกลับมาหา จอยไม่ได้รู้สึกว่าเขาร้าย แล้วก็ไม่ได้รู้สึกว่าตัวละครที่เราเล่นน่ะร้าย แต่เราเข้าใจในความต้องการเขา จอยไม่เคยมองว่าตัวเองจะเป็นนางเอก เป็นนางร้าย หรืออะไร รู้สึกเราเป็นนักแสดงที่จะแสดงอะไรก็ได้ ขอแค่มีความสุขกับสิ่งที่ทำแค่นั้นพอแล้ว”

… อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่

♦ รู้สึกรักการแสดงตอนไหน?

จอย – “บอกไม่ได้ เหมือนค่อยๆ ซึมซับ สิ่งที่สำคัญของนักแสดงคือการเซ้นซิทีฟ เขาจะเข้าใจอารมณ์ของคนมากๆ แล้วจอยเป็นคนไม่ค่อยเข้าใจความรู้สึกคนอื่น เราก็เหมือนเรียนรู้ที่จะเข้าใจ พอทำไปเรื่อยๆ ก็เริ่มรัก พอเริ่มรักก็ทำได้ดีขึ้น”

♦ มีเรื่องไหนที่รู้สึกเป็นผลงานมาสเตอร์พีซ?

จอย – “อาจจะไม่ใช่มาสเตอร์พีซแบบคนชอบ แต่เป็นตัวละครที่ฝังใจจอยที่สุดคือ เจ้าบ้านเจ้าเรือน ที่เล่นกับ ติ๊ก เจษฎาภรณ์ และริต้า ศรีริต้า จอยเล่นเป็นผี เป็นตัวละครที่จอยรู้สึกสงสารและผูกพันมากๆ อาจจะเป็นตัวละครที่เล่นคนเดียวบ่อย (ยิ้ม) ด้วยเป็นผี เป็นตัวละครเรื่องเดียวที่ทั้งเบรกมา 20 ฉาก ตัวละครหนึ่งตัวถ้วน ต้องเล่นคนเดียวในห้อง รู้สึกเราอยู่กับเขาคนเดียวเยอะ เข้าใจความรู้สึกของคนตรอมใจตาย ซึ่งในเรื่องจอยจะสิงเสาตาย ที่ไปขีดนับวันรอพระเอกกลับมา และทุกครั้งที่ไปบ้านหลังนี้ถ่ายเรื่องอื่นจอยก็ยังคงมองไปที่เสาต้นนั้น แล้วก็ยังรู้สึกถึงความเจ็บแค้นและความเศร้าของเขา จอยไม่รู้ว่ามาสเตอร์พีซของจอยคืออะไร แต่ถ้าถามว่าตัวละครที่อยู่ในใจ คือตัวสีนวลที่เป็นเจ้าบ้านเจ้าเรือน”… อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ :

♦ เข้าวงการมายี่สิบกว่าปี เห็นความเปลี่ยน แปลงของวงการยังไงบ้าง?

จอย – “เปลี่ยนเยอะมาก เห็นยุคที่รุ่งเรืองที่สุด ความรุ่งเรืองของแม็กกาซีน ละคร พออยู่มาสักพัก อยู่ดีๆ สื่อสิ่งพิมพ์ตาย สักพักเป็นช่วงดาวน์ของละคร ไม่คิดว่าจะอยู่ถึงจุดที่ทุกอย่างดาวน์จากสิ่งที่เคยเฟื่องฟูมากๆ แล้วมันแชร์ทุกอย่างไปจากสื่อทีวี อันนี้คือการเปลี่ยนแปลงที่ชัดมาก และเร็วมากตั้งแต่มีดิจิตอล มีออนไลน์ เร็วจนแอบคิดว่าถ้าเราเป็นนักแสดงในยุคนี้คงยากมากเลยนะกับการจะยืนอยู่ด้วยอาชีพนี้ เราโชคดีที่ผ่านมาแล้วตั้งตัวได้แล้ว ไม่ได้ลำบากถ้าไม่มีงาน”

… อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ :

♦ เมื่อก่อนใช้ชีวิตอยู่ในกอง แต่ตอนนี้ไม่แล้ว ต้องปรับการใช้ชีวิตยังไง?

จอย – “ไม่ได้ปรับอะไรเลย เหมือนเดิม เมื่อก่อนเรียน ทำงาน กลับบ้าน ตอนนี้ทำงาน กลับบ้าน ถ้าไม่ได้ทำงาน ก็จะเที่ยว ออกกำลังกาย รู้สึกเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขกับการที่เราใช้ชีวิต

ถามว่าเริ่มอิ่มกับการแสดงรึเปล่า ไม่นะ เพราะทุกครั้งเวลาเข้ากองละคร จอยยังคงตื่นเต้น มีความรู้สึกว่าเรามีเวลาในการใช้ชีวิตมากขึ้น และได้ทำในสิ่งที่เมื่อก่อนไม่ได้ทำ แต่ตอนนี้มีเวลาทำในสิ่งที่ อยากทำ พาที่บ้านไปเที่ยว ปลูกต้นไม้ ทำกับข้าว ดูแลตัวเอง ใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์ มันอาจจะเป็นช่วงดีของการใช้ชีวิต เพราะจอยทำงานตั้งแต่อายุ 18 ไม่แปลกถ้าเราในวัยเท่านี้จะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขบ้าง ถ้าแก่ไปกว่านี้คงเที่ยวไม่สนุกแล้ว”… อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ :

♦ เป็นสาวที่ดูแลตัวเองเยอะมาก?

จอย – “ใช่ค่ะ เป็นคนดูแลสุขภาพตั้งแต่เด็กๆ โดยธรรมชาติเป็นคนซีเรียสเรื่องการทานของที่มีประโยชน์ ต้องทานผัก ทานน้ำไม่ทานของทอดเยอะ ไม่ทานน้ำตาล ถ้ารู้ว่าอะไรดีต่อสุขภาพเราก็จะทำสิ่งนั้น

เมื่อก่อนตอนเด็กๆ 4-5 ทุ่มนอนไม่เกินนั้น ถ้าเที่ยงคืนยังไม่หลับจะซีเรียสมากว่าพรุ่งนี้ฉันจะตื่นแล้วฉันจะป่วย เลยมีตารางการดูแล ตัวเองที่ทำจนเป็นรูทีน อะไรที่ไม่ดีต่อสุขภาพไม่เอา เพราะรู้สึกว่าเรารักตัวเอง ต้องดูแลตัวเอง สุขภาพคือต้นทุนของตัวเราเอง คิดตลอดว่าอยากแก่แบบมีชีวิตที่ดี ถ้าเราแข็งแรง สุขภาพดี ตอนแก่เราคงทรมานน้อยหน่อย”… อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ :

♦ เห็นว่าตอนนี้มีสวนตัวเองด้วย?

จอย – “เริ่มช่วงโควิด-19 เรามีเวลา เมื่อก่อนอยากทำแต่ไม่มีเวลา อยากปลูกผักมาก แต่ในชีวิตไม่เคยปลูกไม่เคยจับดิน แต่ฝันอยากปลูกผักก็เลยลอง เสิร์ชกูเกิ้ล ค่อยๆ ปลูกและเรียนรู้ ไปเรื่อยๆ การปลูกต้นไม้คือการเรียนรู้ธรรมชาติ เพราะธรรมชาติแต่ละอย่างไม่เหมือนกัน ทำให้เห็นว่าบางครั้งเราทำได้ดีแล้วเฝ้าดูมาอย่างดี แต่สุดท้ายกระรอกเอาไป รู้สึกว่ามันก็คือการทำใจ ว่าแชร์แบ่งปันกัน ไม่ได้ก็ไม่ได้

แล้วอย่างธุรกิจครัวเรือน เลม่อนดองน้ำผึ้ง เริ่มจากงานเปรี้ยวปากแฟร์ คิดว่าจะขายอะไรสักอย่าง คิดง่ายๆ ที่บ้านชอบทำเครื่องดื่ม ทำน้ำผัก ทำสมุนไพร เลยลองเลม่อนดองน้ำผึ้งดูเพราะที่บ้านกินอยู่แล้ว ก็ลองทำขาย แล้วขายดี เลยทำจริงจัง ใช้แรงงานอุตสาหกรรมในครอบครัว พี่สาว พี่เขย แม่ จอยชอบนะ รู้สึกว่าแม่ต้องมีอะไรทำ แม่จะได้ฝึกสมอง เป็นการบังคับที่จะต้องอยู่ด้วยกันและทำกิจกรรมด้วยกัน และสามารถสร้างรายได้ได้”

♦วางแผนชีวิตหลังจากนี้อย่างไร?

จอย – “จอยเป็นคนวางแผนชีวิตมาตั้งแต่แรกที่ทำงาน ไม่ใช่อายุ 40 แล้วค่อยมาวาง มันช้าไป ต้องเริ่มแล้วว่าถ้าเกษียณจะอยู่ยังไง แรกๆ เริ่มจากซื้อบ้าน ซื้อบ้านเสร็จก็มีเงินเก็บ วางแพลนว่าเงินเก็บอันนี้จะต้องไปทำอะไรบ้างเพื่อให้มีรายได้ต่อในอนาคต พอถึงจุดหนึ่งถ้าเกษียณก็สามารถ ใช้เงินที่เรามีทั้งหมด ที่เราแพลนไว้ เลยรู้สึกว่าถ้าในเรื่องนี้เราไม่กังวล เราน่าจะอยู่ได้ ขอบคุณตัวเองที่แพลนมาตั้งแต่เริ่มต้นทำงาน”

… อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ :

♦วางตัวเองไว้ตรงไหนว่าถึงวันหนึ่งฉันอาจต้องหยุด?

จอย – “อาชีพนักแสดงเป็นอาชีพที่บางครั้งเราเป็นอาชีพที่ถูกเลือก ไม่สามารถที่ฉันอยากทำงานนี้ แล้วฉันจะได้ทำ บางครั้งก็เป็นโอกาสที่ได้มา ฉะนั้นการเกษียณหมายความว่า เราอาจจะไม่มีคนจ้างแล้ว คือเกษียณไปโดยปริยาย เราก็ทำโอกาสเท่าที่เราได้ในทุกครั้งให้ดีที่สุด ส่วนจะทำได้นานแค่ไหน ตอบไม่ได้ แต่ถ้าถามว่าเรายังรักในสิ่งที่เราทำไหม ยังรักในสิ่งที่ทำอยู่ นั่นคือความสุข”

♦ เคล็ดลับของจอย กับการใช้ชีวิต?

จอย – “จอยเป็นคนที่สุขง่าย ความสุขของจอยไม่ได้เป็นเรื่องยิ่งใหญ่ ไม่ต้องมีเงินร้อยล้านพันล้าน ไม่ต้องมีรถยี่ห้อนี้แล้วจะมีความสุข ไม่ใช่ถึงจุดสูงสุดของอาชีพแล้วจะมีความสุข

จอยรู้สึกความสุขเป็นเรื่องง่าย ฉะนั้นจอยจะมีความสุขกับสิ่งง่ายๆ เช่น เข้าห้องน้ำสาธารณะแล้วจอยเปิดไฟ และห้องน้ำสะอาดมาก หรือจอยลืมของไว้ กระเป๋าตังค์หาย แต่ยังเหลือของ เราก็คิดว่าโชคดีจังที่เขาไม่เอาบัตรประชาชนไป จอยชอบคิดหาเรื่องโชคดีง่ายๆ ของเราสักวันละ 5 เรื่อง แค่นั้นคือความสุขแล้ว

เคล็ดลับคืออะไรไม่รู้ แต่แค่รู้สึกว่าตัวเองมีความสุขกับเรื่องเล็กน้อยมาก ตื่นมาอุ้มลูกหมามากอด ก็สุขมากแล้วไม่รู้ว่าความสุขของคนอื่นเป็นยังไง แต่ความสุขของจอยมันเรียบง่ายมากค่ะ”

อนงค์ จันทร/ อภิชญา ดำรงธารกุล… อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ :

 

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *